วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

  เครื่องดื่ม (Beverage) ทั้งหมด ได้แบ่งแยกอกเป็น 2 หมวดใหญ่ๆ คือ
1. เครื่องดื่มประเภทไม่มีแอลกอฮอล์ (Non-Alcoholic)
          เป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ ที่ต้องอธิบายถึง น้ำบริสุทธิ์ประเภท เพราะเมื่อถึงขั้นของการผสมเครื่องดื่มจริง ๆ เราจะต้องรู้จักวิธีการหยิบยกเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เหล่านี้ ให้ไปคู่กับเหล้าชนิดต่าง ๆ ที่อยู่ในหมวดของ “Alcoholic” นั่นเอง
  • น้ำเปล่า (Pure / Table Water) – น้ำเปล่าบริสุทธิ์นั้น ถือว่าเป็นฐานสำหรับเครื่องดื่มทุกชนิดทั้งที่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีแอลกอฮอล์ ฉะนั้นคุณภาพของเหล้าหรือเครื่องดื่มชนิดใดๆก็ตาม จะจับใจผู้ดื่มทุกคนไว้ได้ ก็ต้องมีปัจจัยจากน้ำเปล่าบริสุทธิ์นั่นเอง
  • ผลไม้ (Fruit) – ก็คือ ผมไม้สด (Fresh Fruit) และผลไม้กระป๋อง หรือบรรจุขวด (Canned or Bottled) ซึ่งรสชาติทั้งสอง จะมีความแตกต่างกัน แล้วแต่กรรมวิธีการผลิต บางท่านคงชอบกับผลไม้สดมากกว่า แต่ด้วยการทำงานจริงๆแล้ว เราจำเป็นต้องใช้ผลไม้ทั้งสองชนิดนี้ เหตุผลหลักก็จะเป็นด้วยด้วยต้นทุนค่าใช้จ่าย รสชาติ และการเก็บรักษา
  • สารปรุงแต่งสี และรสชาติ (Squart) – เป็นเครื่องดื่มอีกประเภทที่สังเคราะห์ขึ้น เพื่อใช้ในการให้สีกลิ่นและรสชาติที่มีความเข้มข้น เพื่อใช้ในการปรุง แต่งเครื่องดื่มผสมตามที่เราต้อง อาจใช้แทนน้ำเชื่อมรสชาติต่าง ๆ ก็ได้
  • น้ำเชื่อม (Syrup) – มี 2 ประเภทใหญๆ ก็คือ น้ำเชื่อมธรรมดา (Simple or Sugar Syrup) และน้ำเชื่อมรสผลไม้ (Fruit Syrup) ในส่วนของน้ำเชื่อมธรรมดา ก็คือ น้ำเชื่อมที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาลทรายขาวกับน้ำเดือด ตามส่วนผสมที่เราต้องการบางแห่งก็ใช้น้ำตาล 1 กิโลกรัม ค่อ น้ำเปล่า 1 ลิตร แล้วเคี่ยวจนได้ที่ แต่บางแห่งก็ต้องการความเข้มข้นมากกว่า ก็ให้ลดน้ำเปล่าลง และสำหรับน้ำเชื่อมรสผลไม้นั้น อาจจะสามารถแยกออกไปอีกตามรสชาติและที่มา ก็คือ 
  • เกรนาดีน (Grenadine) เป็นน้ำเชื่อมที่มีกลิ่นหอมของทับทิม เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ใช้บ่อยมาก
  • ออจีท (Orgeat) เป็นน้ำเชื่อมที่มีรสชาติของแอลกอฮอล์ ซึ่งบางตำราอาจผสมด้วยเครื่องเทศ หรือสมุนไพร บางชนิดเข้าไป                                  2. เครื่องดื่มประเภทที่มีแอลกอฮอล์ (Alcoholic)
              สุราที่เกิดจากการหมัก (Fermented) – เป็นประเภทของเครื่องดื่มชนิดมีแอลกอฮอล์ ที่เกิดจากการหมักเป็นสำคัญ การหมักนั้น (Fermentation) ก็เกิดจากกระบวนการของการเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นแอลกอฮอล์ โดยน้ำตาลนั้นจะได้จากแป้ง หรือผลไม้นั่นคือ เบียร์ (Beer) และไวน์ (Wine) ซึ่งไวน์นั้นก็สามารถแบ่งไปได้อีก คื
    • ไวน์ไม่มีฟอง (Still Wine – แบ่งเป็นไวน์แดง ไวน์ขาว และโรเซ่ ไวน์ )
    • ไวน์มีฟอง (Sparkling Wine)
    • ไวน์เสริมดีกรี (Fortified Wine)
    • ไวน์ปรุงแต่งด้วยสมุนไพร (Aromatized Wine – แบ่งเป็นประเภทต่างๆ ได้อีก คือ เวอร์มูธ Vermouth, บิทเทอร์ Bitter, อนิซ Anise)      สุราที่เกิดจากการกลั่น (Distilled Spirit) – เป็นประเภทของเหล้าที่เกิดจากการกลั่น จะมีความแรงของแอลกอฮอล์มากกว่า 40o (ในน้ำ 100 จะมีแอลกอฮอล์ 40 ส่วน) ลักษณะเด่นที่ได้จัดวางเหล้าแต่ละตัวไว้ในหมวดนี้ ก็ด้วยเหตุผลหลักของวิชาการผสมเหล้า เพราะศาสตร์ของ “Bartending” นั้น ส่วนมากจะมีเหล้าหลัก (Liquor base) และเหล้ารอง (Liquor flavour) ซึ่งหมวดเหล้าหลักจะมี
      • วิสกี้ (Whisky) – แบ่งได้เป็น สก๊อต วิสกี้ (Scotch Whisky), ไอริช วิสกี้ (Irish Whisky), เบอร์เบิน วิสกี้ (Bourbon Whiskey), คานาเดี้ยน วิสกี้ (Canadian Whisky)
      • บรั่นดี (Brandy) – แบ่งได้เป็นฟรุ๊ตบรั่นดี Fruit Brandy – เป็นบรั่นดีที่ทำมาจากผลไม้อื่นที่ไม่ใช่องุ่น, คอนญัค Cognac – เป็นบรั่นดีที่ทำมาจากองุ่นและต้องผลิตในเขตคอนญัค ของประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น และ อามาญัค Armagnac – เป็นบรั่นดีที่ทำมาจากองุ่น และผลิตในเขตอามาญัคของประเทศฝรั่งเศส
      • จิน (Gin) – เป็นเหล้าที่ทำมาจากเมล็ดข้าว แล้วปรุงแต่งด้วยสมุนไพรบางชนิด และลูกจูนิเปอร์
      • รัม (Rum) – เป็นเหล้ากลั่นที่ทำมาจากน้ำตาลอ้อย สามารถแบ่งออกได้ตามสี ก็คือ ขาวใส (Light), ทอง (Gold) และดำ (Dark)
      • วอดก้า (Vodka) เป็นเหล้ากลั่นที่ผลิตจากมันฝรั่ง แต่ปัจจุบันมีส่วนผสมของเมล็ดข้าวในบางยี่ห้อ